The Johari Window Model เป็นเทคนิคที่จะช่วยลดช่องว่างระหว่างผู้นำและทีม แถมยังเป็นการช่วยพัฒนาความสัมพันธ์และทำให้ทีมเข้าใจกันมากขึ้น จุดเด่นหลักๆ ของเทคนิคนี้ก็คือ การที่ช่วยให้เราเข้าใจตัวเอง รู้จุดแข็งปรับแก้จุดอ่อน และเคารพในตัวผู้อื่น ช่วยให้เรามี Self-awareness ในตัวเองแล้วรู้ว่าอะไรจะส่งผลกระทบต่อผู้อื่นในการกระทำของเราบ้าง
วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จัก "The Johari Window Model" โดยแบ่งออกเป็น 4 ช่อง
1. Open Self (Open Area)
หน้าต่างที่เรารู้และทุกคนรู้ นี่คือพื้นที่ที่ทุกคนสามารถพูดคุยกันได้อย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา การเปิดเผยและแลกเปลี่ยนข้อมูลในส่วนนี้จะช่วยสร้างความไว้วางใจ (Trust) ระหว่างผู้นำและทีม
2. Blind Self (Blind Spot)
หน้าต่างที่คนอื่นรู้แต่เรากลับไม่รู้ บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่ามีข้อบกพร่องหรือพฤติกรรมบางอย่างที่เรามองข้ามไป การเปิดรับ Feedback จากผู้อื่นจะช่วยให้เราเห็น Blind Spot ของตัวเอง และปรับปรุงเพื่อการเติบโตที่ดีขึ้น
3. Hidden Self (Hidden Area)
หน้าต่างที่เรารู้แต่คนอื่นไม่รู้ สิ่งที่เราปิดบังหรือเก็บซ่อนในใจ เช่น ความกลัวหรือความอ่อนไหว การกล้าเปิดเผยในพื้นที่นี้จำเป็นต้องอาศัยความไว้วางใจอย่างสูง เมื่อเราเปิดใจได้มากขึ้น ความเข้าใจและการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกันจะได้ดีขึ้น
4. Unknown Self (Unknown Area)
หน้าต่างที่เราไม่รู้และคนอื่นก็ไม่รู้ หน้าต่างนี้คือส่วนที่เรายังไม่ค้นพบตัวเอง และไม่มีใครรู้เช่นกัน บางทีอาจเป็นความสามารถที่เรายังไม่เคยได้ลองทำหรือเรียนรู้ การเปิดใจเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ จะช่วยให้เราเข้าใจและพัฒนาตัวเองในระยะยาว
การเป็นผู้นำของทีมที่ต้องบริหารทั้งงานและคน เทคนิค The Johari Window จึงเหมาะมากๆ สำหรับการบริหารทีม และยังช่วยให้เราสามารถพัฒนาเรื่องของการรับฟังและเข้าใจผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น แถมยังช่วยลดช่องว่างระหว่างผู้นำและทีมได้ดีอีกด้วย
Comentarios